top of page
Writer's pictureManushya Foundation

ทำไมเราต้อง#Saveบางกลอย ชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอยจากการแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผิดพลาดของไทย!



🌱 กว่าศตวรรษที่ชาวบ้านชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอยอยู่อย่างสงบสุขบนผืนดินบรรพบุรุษเคียงคู่กับผืนป่าแก่งกระจาน


🚨 เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษแล้วที่ชุมชนพื้นเมืองกะเหรี่ยงถูกกดขี่และคุกคามอย่างต่อเนื่อง ถูกบังคับขับไล่ หรือการที่รัฐพยายามคุมขังเนื่องจากต่อสู้กับการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐไทย เนื่องจากความพยายามกลับไปยังบ้านที่แท้จริงของพวกเขา


ทำไมพวกเขาถึงถูกไล่ออกจากบ้านของพวกเขาเอง?


🇹🇭 พื้นที่ป่าแก่งกระจานได้รับการประกาศเป็นป่าสงวนในปี พ.ศ. 2508 ซึ่งนำไปสู่การผนวกเข้าเป็นอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในปี พ.ศ. 2524 ในปี พ.ศ. 2539 รัฐบาลไทยใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการกดดันชนพื้นเมือง โดยกล่าวหาว่า บุกรุกพื้นที่ป่าจนต้องย้ายถิ่นฐาน ในปี พ.ศ. 2564 ผืนป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ท่ามกลางข้อถกเถียงมากมาย ส่งผลให้การประกอบอาชีพของคนกะเหรี่ยงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย


🗓️ ในปี 2562 ได้มีการออกกฎหมายพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ขึ้น ทำให้กลุ่มชนพื้นเมืองและชุมชนชายขอบที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลไทยได้ใช้กฎหมายนี้เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศเพื่อดำเนินการขับไล่ประชากรในท้องถิ่นโดยไม่ต้องรับโทษซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขที่ผิดพลาดของรัฐไทย


ภายใต้หน้ากากของการอนุรักษ์ป่าไม้และธรรมชาติ รัฐบาลไทยลงโทษชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในที่ดินของตนเองอย่างไม่เป็นธรรม โดยกล่าวหาว่าพวกเขาบุกรุก ในขณะที่วิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขาช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง! นี่เป็นตัวอย่างการใช้กฎหมายเป็นอาวุธในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ผิดพลาด เพื่อขับไล่และลงโทษแก่ผู้ที่รัฐไม่ต้องการ โดยรัฐยังคงมีเจตนาละเมิดสิทธิมนุษยชนนี้!

ชุมชนพื้นเมืองกะเหรี่ยงต้องเผชิญกับความอยุติธรรมอะไรบ้าง?


❗️ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ชาวบ้านราว 100 คนถูกไล่ออกจากบ้านของพวกเขา และต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 ชนเผ่าพื้นเมืองกะเหรี่ยง 22 คนถูกจับกุมและคุมขังโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติของไทย โดยมีทั้งผู้หญิง เด็ก และบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายอย่างน้อยหนึ่งคน


รัฐบาลไทยได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของชาวกะเหรี่ยง!


❌ ชาวบ้านถูกบังคับให้ลงนามในเอกสารทางกฎหมายในภาษาที่พวกเขาอ่านไม่ออก และถูกปฏิเสธที่ปรึกษาทางกฎหมายในช่วงสองสามชั่วโมงแรกของกระบวนการ ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกันกับที่นำไปสู่การตั้งข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า พวกเขามีฐานะยากจนและไร้ที่อยู่อาศัย พวกเขาไม่มีที่ให้กลับไป ทั้งยังมีการขู่เข็ญว่าจะปรับเงิน 50,000 บาทและถูกส่งเข้าคุก หากพวกเขาพยายามกลับบ้านอีก


การความคืบหน้าล่าสุดเป็นอย่างไรบ้าง?


คำสั่งล่าสุดของนายกรัฐมนตรีไทยกำหนดให้ชาวบ้านกะเหรี่ยงสามารถกลับที่ดินในป่าบางกลอยได้


เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 อดีตนายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งให้ชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงสามารถกลับเข้าไปในที่ดินของพวกเขาได้ภายในอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม


แต่การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของประยุทธ์เท่านั้น หรือคำสั่งนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการตระหนักถึงนโยบายการอนุรักษ์ป่าไม้ของรัฐบาลไทยที่ผิดพลาดไป หรืออาจจะเป็นความตั้งใจจริงที่จะให้สิทธิ์ในที่ดินแก่ชนพื้นเมือง


แม้ว่าสิ่งนี้จะแสดงถึงขั้นตอนแรกที่สำคัญเพื่อให้รัฐบาลยอมรับว่านโยบายการอนุรักษ์ป่าไม้นี้ผิดพลาด พวกเราก็กำลังรอการดำเนินการขั้นตอนต่อไปของรัฐบาลในการให้สิทธิ์ในที่ดินแก่ชนพื้นเมือง และในการดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศที่แท้จริง!


ข้อเรียกร้องของเรา


มูลนิธิมานุษยะขอเรียกร้องประชาคมโลกติดตามการกระทำของรัฐบาลไทย!


✍️ มานุษยะร่วมออกแถลงการณ์ เมื่อเดือนมีนาคม 2564 เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อชนพื้นเมืองบางกลอย และจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดินในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี 3 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่ารัฐไทยตกลงที่จะฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงและห้ามเจ้าหน้าที่อุทยานขับไล่พวกเขา


✊เราจะไม่หยุดต่อสู้เพื่อชนพื้นเมืองบางกลอย จนกว่ารัฐบาลไทยจะมีคำสั่งชดเชยให้กับชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับความเดือดร้อน และยุติการละเมิดและการเลือกปฏิบัติต่อชนพื้นเมืองทั้งหมด เราเชื่อว่าที่สิ่งที่มานุษยะทำนี้สามารถบรรลุผลสำเร็จได้โดยการมีส่วนร่วมในการหารือที่มีความหมาย โดยเคารพความยินยอมโดยเสรี และการบอกแจ้งล่วงหน้าแก่ชุมชน (FPIC) ของชนพื้นเมือง และการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระหลายฝ่ายขึ้นมาดูแล


✊มานุษยะขอเรียกร้องให้รัฐไทยยุติการการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ผิดพลาด และหยุดการใช้นโยบายอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นอาวุธเพื่อสร้างอาชญากรรมต่อชุมชนชายขอบอย่างผิดกฎหมาย และขับไล่ชนพื้นเมืองออกจากดินแดนบรรพบุรุษของพวกเขา!


🌱ประเทศไทยต้องเปลี่ยนไปสู่การเปลี่ยนผ่านของสตรีนิยม ยุติธรรม ส่งเสริมพื้นที่สีเขีวว และครอบคลุมด้านพลังงาน โดยมีชุมชนท้องถิ่นและชนพื้นเมืองเป็นศูนย์กลางของกระบวนการตัดสินใจ! พวกเขาเป็นผู้ที่มีความรู้อันมีค่าเกี่ยวกับธรรมชาติและรู้ว่าแนวทางแก้ไขและนโยบายใดที่จะต้องดำเนินการเพื่อลดวิกฤตสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ! เราเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกย่องพวกเขาในฐานะผู้พิทักษ์ป่า และรับฟังเสียงและข้อเรียกร้องของพวกเขา!


📢 มานุษยะจะทำให้แน่ใจว่าเสียงของชาวบ้านจะได้รับฟัง และพวกเขาจะได้รับการยอมรับตามสิทธิในสิทธิในที่ดินของบรรพบุรุษ!



อ้างอิง:


ก่อนกดออก..


➡️ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรณรงค์ของเราและแถลงการณ์เกี่ยวกับ #Saveบางกลอย:



➡️ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสนับสนุนและความสำเร็จของมูลนิธิมานุษยะ เพื่อความยุติธรรมด้านสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานที่เป็นธรรม :



Comments


bottom of page